เพาเวอร์ซัพพลาย
คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะแบบไหนความสำคัญที่จะทำให้ตัวเครื่องมันทำงานได้ มันก็เริ่มจากการที่จะต้องใช้ไฟฟ้า แต่ในระบบคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถใช้ไฟฟ้า ที่เราใช้ตามบ้าน 220 V. ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) โดยตรงเข้าอุปกรณ์ ต่างๆในระบบได้ เพราะตัวอุปกรณ์ในคอมพิวเตอร์ จะใช้ไฟแตกต่างกันไป และเป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ดังนั้น จึงต้องมีชุดวงจรที่จะแปลงไฟให้สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆเหล่านั้นได้
ส่วนหลักการทำงานต่างๆ ศึกษาได้ที่นี่..คลิก
การใช้งานคอมพิวเตอร์นั้นอาจจะมีกรณีที่ใช้งานไปแล้วการจ่ายไฟฟ้าในบ้านอาจจะมีการจ่ายไฟฟ้าที่ไม่นิ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่นอาจจะจ่ายไฟฟ้ามาเกินหรือกระแสไฟฟ้าที่จ่ายมาไม่นิ่งหรือมากเกินไปเหตุผลเหล่านี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อุปกรณ์ Power Supply ที่เราใช้ในคอมพิวเตอร์นั้นเกิดปัญหาได้ค่อนข้างสูง ส่วนปัญหาที่เกิดจากการชำรุดโดยตัวอุปกรณ์เอกนั้น ค่อนข้างเกิดได้น้อยกว่า
การป้องกันไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้นในลักษณะนี้ก็มีวิธีที่จะช่วยลดปัญหากระแสไฟได้ยกตัวอย่างเช่นอาจจะใช้ตัว UPS เครื่องสำรองไฟที่มีตัวปกป้องและกรองกระแสซึ่งอุปกรณ์พวกนี้ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่างๆของกระแสไฟที่จ่ายมาในขณะเวลานั้นและช่วยยืดอายุเพาเวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์ได้
แต่ก็ไม่สามารถที่จะป้องกันได้ 100% Power Supply จึงมีข้อจำกัดที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนและถ้ากรณีที่เกิดมีปัญหาทำให้ Power Supply เสียหรือใช้งานไม่ได้โดยหลายสาเหตุก็จะมีคำถามที่สอบถามกันมาเยอะมากและเป็นคำถามที่น่าสนใจว่าถ้าเกิดกรณีที่เพาเวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์เกิดใช้งานไม่ได้ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตามเรามาดูเหตุผลกันว่าถ้าเกิด Power Supply เสียแล้วนั้นเราจะมีวิธีการยังไงหรือสามารถซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในได้หรือไม่และสาเหตุอะไรที่ไม่ควรจะต้องซ่อมอุปกรณ์เหล่านี้ต่อไป
ราคาตัวอุปกรณ์ชุด Power Supply ก็มีหลากหลายราคาให้เราเลือกขึ้นอยู่กับคุณสมบัติต่างๆของอุปกรณ์เหล่านั้นได้มาตรฐานคุณภาพในระดับไหนยิ่งได้มาตรฐานสูงๆราคาก็จะสูงตามไปด้วยเช่นเดียวกันดังนั้นการซื้อ Power Supply อาจจะต้องคำนึงถึงการใช้งานจริงว่ามีอุปกรณ์ภายในที่จะต้องเชื่อมต่อไฟฟ้ามากน้อยเพียงใดและต้องอ้างอิงมาตรฐานต่างๆในทางไฟฟ้าให้เหมาะสมหลักการเลือกใช้งาน
ราคามีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว
ดังนั้นถ้าเกิดอุปกรณ์เหล่านี้มันเกิดชำรุดขึ้นมาเหตุผลแรกที่จะต้องถามกันก็คือจะเอาไปซ่อมที่ไหนและมันซ่อมได้หรือเปล่าเป็นคำถามที่ถูกถามขึ้นมากที่สุด
คำตอบก็คือสามารถ ซ่อมได้ เพราะมันเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีอุปกรณ์ร่วมหลายชนิดซึ่งการซ่อมก็จะดูและประเมินว่าจะสามารถซ่อมหรือจะซ่อมไม่ได้โดยอ้างอิงจากอะไรบ้าง
สาเหตุที่ไม่นิยมซ่อมกัน
- เกิดการลัดวงจรอย่างรุ่นแรง เช่น ช็อตหรือระเบิด จนมีควันออกมา
- รุ่นของอุปกรณ์ที่มีคุณภาพต่ำและราคาไม่แพง (เพราะซื้อเพาเวอร์ซัพพลายตัวใหม่ราคาถูกกว่าค่าซ่อมและค่าอะไหล่)
- โดนน้ำหรือของเหลวต่างๆ
สาเหตุที่นิยมซ่อมกัน
- เป็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเฉพาะ เช่น ขนาดที่แตกต่างจากมาตรฐานที่มีจำหน่าย เช่น ขนาดเล็ก ขนาดเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือ เป็นชนิดที่ฝังอยู่ในตัวอุปกรณ์ หรืออื่นๆ ที่ต่างจากมาตรฐานทั่วไป
- อาการเสียไม่รุนแรงมาก เช่น ฟิวส์ขาด ตัวเก็บประจุบวมจากการใช้งาน ตัวต้านทานเสื่อม เป็นต้น
นั่นคือเหตุผลต่างๆโดยรวมที่เป็นการวิเคราะห์อาการ ว่าเราควรจะซ่อมหรือ ควรจะเปลี่ยนใหม่เลย ซึ่งเราเองก็อาจะไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้ ดังนั้นอาจจะต้องให้ผู้ที่เชี่ยวชาญหรือมีความรู้ด้านงานอิเล็กทรอนิคช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุนั่นเอง
และถ้าดูแล้วยังพอจะซ่อมได้นั้น เราควรไปซ่อมที่ไหน ร้านในลักษณะแบบไหนที่เขารับซ่อมกันบ้าง
ร้านที่รับซ่อมเพาเวอร์ซัพพลาย
- ร้านซ่อมทีวี หรือร้านซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ร้านประเภทนี้ค่อนข้างมืออาชีพมากๆ ในการอ่านลายวงจรและการเปลี่ยนอุปกรณ์ต่างๆในแผงวงจร และซ่อมได้ตรงจุดมากๆ แต่น้อยที่จะรับเพราะงานหน้าร้านเขาค่อนค้างจะแน่นมากๆ และมูลค่าในการซ่อมเพาเวอร์นี้มันต่ำ ร้านก็จะไม่อยากซ่อมให้นั่นเอง เลยแนะนำว่า อาจจะต้องหาร้านที่งานไม่ค่อยเยอะมาก พูดกับเขาดีๆ และสิ่งต้องห้ามก็คือ ห้ามเร่งเขาเด็ดขาด!! ข้อนี้สำคัญมากเพราะเขาจะปฏิเสธการซ่อมของเราทันที ราคาค่าซ่อม ก็จะมีตั้งแต่ 400-800 บาท
- ศูนย์ซ่อมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ชั้นนำ ร้านประเภทนี้จะอยู่ตามห้างสรรพสินค้าต่าง เช่น ร้านอมร ที่มีสาขาอยู่ทุกพื้นที่ แต่ราคาค่าซ่อมอาจจะแพงกว่าร้านทั่วไปอยู่ประมาณนึง และรอคิวนานกว่าแบบทั่วไป แต่อาจจะได้การรับประกันงานซ่อมมาด้วย อันนี้ถือว่าเป็นข้อดีเลย
(ขอบคุณภาพจากเว็บไซต์ https://www.amorncenter.com:9443/amornservice.php)
ก็ได้ทราบกันไปพอสมควรแล้วว่าเหตุผลที่จะซ่อมหรือไม่ซ่อมอุปกรณ์ Power Supply ของคอมพิวเตอร์นี้มีอะไรบ้างและถ้าจะซ่อมจริงๆจะซ่อมที่ไหนอย่างที่อธิบายมาข้างต้นแล้วมาถึงท้ายบทความนี้แล้วอุปกรณ์เหล่านี้ถึงแม้จะมีหน้าที่แต่ละอย่างแตกต่างกันไปแต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานสำหรับผู้ใช้อยู่พอสมควรสิ่งสำคัญที่เราจะต้องใส่ใจนั่นก็คือการรับไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพหรือมีอุปกรณ์ช่วยป้องกันก่อนที่จะเข้าถึงตัวพาวเวอร์ซัพพลายจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดลดปัญหาการชำรุดของอุปกรณ์ได้ค่อนข้างสูง
สุดท้ายแล้วนั้นอาจจะต้องเทียบราคาค่าซ่อมและอุปกรณ์ที่จะซื้อใหม่ถ้าไม่แตกต่างกันมากก็อาจจะมองไปถึงการซื้ออุปกรณ์ใหม่และได้การรับประกันตัวสินค้า 1 ปี
อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะราคาค่าซ่อมนั้นอาจจะต่างกันไม่มากถ้าเทียบกับอุปกรณ์ในยุคปัจจุบันนี้ ซึ่งราคาค่อนข้างถูกพอสมควร เพราะการซ่อมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์นั้น ขั้นตอนการเปลี่ยนจะต้องใช้ความร้อนสูง อาจจะส่งผลกระทบกับอุปกรณ์อื่นที่ยังไม่ชำรุดเพิ่มเติมได้